สภาพสังคมในสมัยของยูดาห์นั้นแย่มาก ทุกคนเปลี่ยนไป ทุกคนต่างไม่สามารถไว้วางใจใครได้ ทุกคนกลายเป็นคนหลอกลวง และทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ “พระเจ้า” (ข้อ 24)  ความจริงในเรื่องนี้หนุนใจคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตวันนี้

ข้อ1-3 บรรยายถึงการข่มเหงที่จะเกิดขึ้นกับคนยูดาห์ แม้แต่กระดูกของคนที่ตายไปแล้วก็จะถูกขุดขึ้นมาเพื่อย่ำยี่ และตอกย้ำมากขึ้นว่า คนยูดาห์เสมือนแผลที่รักษาไม่หาย (ข้อ 11,15,20-22) คือทำบาปแต่ไม่ยอมกลับใจเสียใหม่  สำรวจชีวิตของคุณว่า มีบาดแผลแห่งความบาปในเรื่องใดบ้าง  อธิษฐานขอการรักษาจากพระเจ้าก่อนที่จะสายเกินไป

ในเวลานั้นคนยูดาห์ทั้งปวงหลงเชื่อว่า การมีพระวิหารของพระเจ้าและกฎเกณฑ์ต่างๆเป็นหลักประกันความปลอดภัยของพวกเขา พวกเขาจึงพยายามที่จะรักษาการถวายบูชารวมถึงพิธีกรรมทางศาสนา แทนที่การเชื่อฟังพระคำพระเจ้า อาจจะพูดได้ว่า คนยูดาห์มานมัสการพระเจ้า แต่ในขณะเดียวกันก็กระทำความผิดบาปอยู่  ชีวิตของคุณเหมือนหรือแตกต่างจากคนยูดาห์ในเรื่องนี้อย่างไร?

บทที่ 6 เป็นเหตุการณ์ 605 ปี ก่อนคริสตกาล กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนมีชัยต่อกองทัพอัสซีเรีย กองทัพอียิปต์ที่มาช่วยอิสราเอล และกำลังวกลงใต้เพื่อโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม อ่านบทที่ 6 อย่างช้าๆ 1 ครั้ง และใคร่ครวญถึงความหมายของข้อ 8 ที่พระเจ้าตรัสกับยูดาห์ว่า “จงรับคำตักเตือนเถิด เกรงว่าเราจะพรากรักจากเจ้าไปเสีย” พระเจ้ากำลังเตือนสอนอะไรคุณในสัปดาห์ที่ผ่านมา? และคุณตอบสนองอย่างไร?

ดูเหมือนว่า ความผิดบาปจะมีอยู่ทั่วไปในแผ่นดินอิสราเอล ซึ่งในข้อ 22-29 ได้สรุปในเรื่องนี้อย่างน่าสนใจว่า ความผิดบาปที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ “อิสราเอลไม่มีความตั้งใจที่จะยำเกรงพระเจ้า”  ชีวิตของคุณยำเกรงพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน? และคุณได้ยำเกรงพระเจ้าในด้านใดบ้าง?

8960/8991