กรุงเยรูซาเล็มถูกทำลาย และถูกเผาจนหมดสง่าราศี จากคุณค่าเทียบได้กับทองคำ มีค่าเพียงหม้อดินใบหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความผิดบาปของพวกผู้เผยพระวจนะและพวกปุโรหิตด้วย ที่ปล่อยปะละเลยหน้าที่ของตนเอง จนประชาชนหลงจากทางของพระเจ้า ถ้าคุณเป็นผู้นำในคริสตจักร (ศิษยาภิบาล มัคนายก กรรมการกลาง ผู้นำกลุ่มเซล) คุณจะมีส่วนในการสอนพระวจนะของพระเจ้ากับสมาชิกในคริสตจักรอย่างไร?

ผู้เขียนได้สะท้อนถึงความทุกข์โศกเศร้าในใจด้วยคำว่า “น้ำตาไหล…เป็นแม่น้ำ” (ข้อ 48) “น้ำตาไหล…ไม่หยุด” (ข้อ 49) “นัยน์ตา….ระบม” (ข้อ 51) คำและท่าทีในใจแบบนี้ เป็นแบบอย่างให้คุณอย่างไร ในเวลาที่คุณจะกลับมาหาพระเจ้า เพราะได้กระทำความผิดบาป?

“การคิดถึงเนือง ๆ” “การหวนคิด” และ “การคิดได้ว่า” จากข้อ 20, 21 ถึง “ความรักมั่นคงของพระเจ้า” ช่วยคุณอย่างไรในการมองดูชีวิตของคุณ และการดำเนินชีวิตต่อไปในวันนี้อย่างไร?

ในบทนี้ได้บรรยายถึงความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม ในภาวะสงครามที่เกิดขึ้น การขาดแคลนอาหารการกิน ถึงขนาดที่ว่า “มีการกินลูกของตนเอง” เพื่อประทังชีวิต (ข้อ 18-20)  อธิษฐานขอพระเจ้าที่จะปกป้องและรักษาชีวิตของคุณจากการทดลอง และสิ่งที่ชั่วร้าย เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลของความผิดบาปที่อาจจะรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ

กรุงเยรูซาเล็มตอนนี้เปรียบเหมือนเมืองร้างที่ว่างเปล่า เหมือนกับผู้หญิงที่สูญเสียสามี เหมือนกับเจ้าสาวที่กลายมาเป็นทาส  เหมือนหญิงสาวที่ถูกทรยศจากคนรัก โดยมีสาเหตุสำคัญจากการที่คนยูดาห์ทรยศต่อพระเจ้า (ข้อ 22) ถ้าวันนี้คุณต้องทนทุกข์เพราะทำผิด ทำบาป หรือทรยศต่อความรักของพระเจ้า ใช้เวลานี้อธิษฐานขอการอภัย และการช่วยกู้จากพระเจ้า

5210/5299