การทดลองความเชื่อเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้นในชีวิตคริสเตียน เนื่องจากคริสเตียนเชื่อและติดตามพระเจ้าซึ่งเป็นชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ทีไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดังนั้นการดำเนินชีวิตของคริสเตียน จึงเป็นการดำเนินชีวิตโดยความเชื่อ เหมือนดั่งที่อัครทูตเปาโลบันทึกไว้ในพระคัมภีร์โรม.1:17 ว่า “เพราะว่าในข่าวประเสริฐนั้น ความชอบธรรมของพระเจ้าก็ได้สำแดงออก โดยเริ่นต้นก็ความเชื่อ สุดท้ายก็ความเชื่อ คามทีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า คนชอบธรรมจะมีชีวิตดำรงอยู่ไดโดยความเชื่อ” ในสัปดาห์นี้เราจะมาเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับการทดลอง และวิธีการที่มีชัยชนะเหนือการทดลองที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม    1 โครินธ์ 10:13               “การทดลองไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด”

“ไม่มีการทดลองใดๆ ที่เกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองที่เคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย
พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อทรงทดลองท่าน พระองค์ทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้”
(1 โครินธ์ 10:13)

Q1  คำว่า “ไม่มี“การทดลองใดๆ“เคยเกิดขึ้น“เกินกว่าท่านจะทนได้“หลีกเลี่ยงได้” และ “มีกำลังทนได้” ช่วยให้เห็นถึงธรรมชาติของการทดลองที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าอย่างไร?
Q2  คำว่า “พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม” “ไม่ทรงให้ท่าน” และ “ทรงโปรดให้ท่าน” หนุนใจคุณอย่างไรในการเผชิญหน้ากับการทดลองที่คุณมีอยู่วันนี้?

พระเยซูได้ทรงตรัสถึง “หลักการในการพิพากษา” ที่จะเกิดขึ้นในวันสุดท้ายไว้อย่างน่าสนใจ   ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ยืนยันว่า พระองค์มาเพื่อจะช่วยโลกให้รอด ไม่ใช่มาเพื่อพิพากษา ซึ่งสอดคล้องกับพระธรรม 2 เปโตร 3:9 ที่ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่”

Q1  ประโยคที่ว่า “ได้ยินถ้อยคำของเราและไม่กระทำตาม” และ “ไม่ยอมรับเราและไม่รับคำของเรา” ประโยคไหนที่พระเยซูจะใช้เป็นหลักการในการพิพากษา?
Q2  คุณดำเนินชีวิตเป็นคริสเตียนเป็นสาวกของพระเยซูเพราะคุณ “ยอมรับพระองค์” หรือ “คุณยอมรับในคำสอนของพระองค์”?

พระเยซูได้ปลีกตัวออกออกจากฝูงชน เพราะรู้ว่า เวลาของพระองค์ใกล้เข้ามาแล้ว (การถูกจับและตรึงที่กางเขน)   แต่พระองค์ไม่ได้หยุดที่จะกระทำหมายสำคัญ (การประกาศแผ่นดินของพระเจ้า การรักษาโรค การขับผี และการอัศจรรย์อื่นๆ) แต่ผู้คนก็ยังไม่ได้เชื่อและไว้วางใจในพระองค์

Q1  อะไรคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้คนไม่เชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์? (ดูข้อ 38, 39, 40, 43 ประกอบ)
Q2  อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณเชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ในฐานะของพระผู้ช่วยให้รอด วันนี้คุณยังเชื่อมั่นในเหตุผลที่คุณให้กับตนเองหรือเปล่า?

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่า พระเยซูกำลังจะมาปลดปล่อยพวกเขาจากการตกเป็นเมืองขึ้นของโรม และตั้งอาณาจักรอิสราเอลขึ้นมาใหม่   พระเยซูกลับพูดมากขึ้นเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่สุดในฐานะของ “ความเป็นมนุษย์” สำหรับพระองค์ ถึงขนาดที่พระองค์เอ่ยปากว่า “ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากการย์แห่งกาลนี้” (ข้อ27)

Q1  อะไรคือ เหตุผลที่พระเยซูยอมเชื่อฟังพระเจ้าพระบิดา โดยยอมตายบนไม้กางเขน ซึ่งเป็นวิธีการตายที่โหดเหี้ยมและทรมานมากที่สุดในเวลานั้น? (ดูข้อ 28, 32, 36 ประกอบ)
Q2  จากประโยคที่ว่า “เราได้รับเกียรติแล้ว และเราจะให้รับเกียรติอีก” คุณคิดว่าพระเจ้าจะทรงได้รับเกียรติจากชีวิตของคุณอย่างไร?

พระเยซูเสด็จจากเมืองเบธานีซึ่งอยู่ห่างจากรุงเยรูซาเล็มประมาณ 3 กิโลเมตรเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม ทันทีที่ผู้คนรู้ว่า พระเยซูเสด็จมาถึง มีคนให้การต้อนรับพระเยซูอย่างยิ่งใหญ่ โดพระเยซูทรงลูกลา และมีการโห่ร้องโฮซันนา เหมือนกับการต้อนรับกษัตริย์   เรียกว่า ทุกคนอยากที่จะได้เห็นและอยู่ใกล้ชิดกับพระเยซู ไม่ว่าจะเป็นคนยิว หรือคนต่างชาติ ถึงขนาดที่ว่า มีบางคนใช้วิธีเข้าหาทางสาวกของพระเยซูคือ ฟีลิป เพื่อจะมีโอกาสได้เข้าใกล้พระเยซู(ข้อ 21-22)

Q1  คำว่า “ใคร่เห็นพระเยซู” เกี่ยวข้องอย่างไรกับ คำสอนของพระเยซูใน “เรื่องเมล็ดข้าวที่ต้องตกลงในดินและเปื่อยเน่าไป”?
Q2  ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า มีสิ่งใดในชีวิตของคุณที่จะต้องทิ้งเสีย / ยอมให้เปื่อยเน่าไป เพื่อคนอื่นจะเห็นพระเยซูในชีวิตของคุณมากขึ้น?

3275/5215