หลังจากที่พระเยซูคริสต์ได้ตอบคำถามของฟาริสีและธรรมาจารย์แล้ว พระองค์หันกลับมาอธิบายความอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่อง “การเป็นมลทิน” โดยในครั้งนี้พระองค์ใช้คำอธิบายที่เรียบง่าย เพื่อช่วยให้ประชาชนที่อาจจะไม่มีความรู้ ความเข้าใจหรือจดจำ ข้อธรรมบัญญัติของพระเจ้าและธรรมเนียมของมนุษย์ได้เหมือนกับพวกฟาริสีและธรรมาจารย์ โดยบอกว่า มลทินไม่ได้เกิดขึ้นจากการไม่ได้ล้างมือ หรือาหารที่รับประทานเข้าไป แต่เกิดขึ้นจาก “ใจของเรา”

Q1  มลทินที่เกิดขึ้นจาก “ใจของเรา” มีอะไรบ้าง? (ดูข้อ 21-23 ประกอบ)
Q2  ทบทวนดู “ใจของคุณ” ว่า มีสิ่งใดที่เป็นมลทินบ้าง? อธิษฐานขอการชำระล้างจากพระเจ้า และขอกำลังจากพระองค์ที่จะเลิกสิ่งเหล่านั้น

ชื่อเสียงของพระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในแถบทะเลสาบกาลิลี แต่ชื่อเสียงของพระองค์ยังดังไปถึงกรุงเยรูซาเล็ม จนพวกฟาริสี และธรรมจารย์ในกรุงเยรูซาเล็มอยากจะรู้ว่า พระองค์คือใคร จึงเดินทางมาเพื่อจะพบและพูดคุยกับพระเยซูคริสต์ แต่เมื่อพวกเขาได้พบพระเยซูคริสต์และสาวกครั้งแรก สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือ พระเยซูคริสต์และสาวกไม่ได้ปฏิบัติตามธรรมเนียมของยิวอย่างเคร่งครัด (การล้างมือ การล้างถ้วยชาม) จนกลายเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันขึ้นระหว่างพระเยซูคริสต์กับฟาริสีและธรรมจารย์

Q1  ในขณะที่ฟาริสีกล่าวหาว่า พระเยซูคริสต์และสาวกทำผิด ไม่ประพฤติตามคำสอนของบรรพบุรุษ (ข้อ 5) พระองค์ทรงตอบโต้ข้อกล่าวหานี้อย่างไร? (ดูข้อ 8,13 ประกอบ)
Q2  ทบทวนชีวิตของคุณว่า คุณใช้มาตรฐานของพระวจนะของพระเจ้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิต หรือใช้คำสอนของมนุษย์ / ความคิดของคุณเอง เป็นหลักในการดำเนินชีวิต?

ไม่ว่าพระเยซูคริสต์จะอยู่ฟากไหนของทะเลสาบกาลิลี ทั้งที่คาเปอรนาอุม และเบธไซดา หรือจะไปตามหัวเมืองต่างๆ ผู้คนต่างมาหาพระองค์ตลอดเวลา

Q1  อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างให้การต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นอย่างดี ในทุกๆ ที่ ที่พระองค์เข้าไป? (ดูข้อ 54, 56 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า คุณจะดำเนินชีวิตในฐานะคริสเตียนอย่างไร ที่จะทำให้ทุกๆ ที่ ที่คุณไป ทุกคนจะยอมรับในความเป็นคริสเตียนของคุณ?

หลังการเลี้ยงคน 5,000 คน พระเยซูคริสต์ทรงปลีกตัวเองสำหรับการพักผ่อนด้วยการไปบนภูเขา เพื่อจะอธิษฐานกับพระเจ้าพระบิดา ส่วนสาวกลงเรือข้ามทะเลสาบกาลิลีไปยังเมืองเบธไซดา และบนภูเขา พระองค์ได้มองเห็นว่า เรือของสาวกที่แล่นไปกำลังเผชิญหน้ากับลมพายุ และเหล่าสาวกกำลังตกอยู่ในภาวะยากลำบาก (ข้อ 48ก)

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงตอบสนองอย่างไร เมื่อมองเห็นสาวกของพระองค์อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น? (ดูข้อ 48ข 51 ประกอบ)
Q2  คำพูดของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย” ช่วยให้คุณมีกำลังใจในการเผชิญหน้ากับปัญหาที่คุณมีอยู่ในชีวิตอย่างไร?

หลังจากที่สาวกทั้ง 12 คน ที่ถูกส่งออกไปประกาศข่าวประเสริฐ และช่วยเหลือประชาชนผ่านการอัศจรรย์ (บทที่ 6:7-12) ได้กลับมา และเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับพระเยซูคริสต์ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง สิ่งแรกที่พระเยซูคริสต์อยากให้พวกเขาทำคือ การพัก (ข้อ 31) และตัวของพระองค์ก็ต้องการเวลาพักผ่อนเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่า ประชาชนชนที่อยู่ล้อมรอบพระเยซูคริสต์มีมากเหลือเกิน พวกเขาต่างรอคอยการช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ แถมยังเป็นเวลาเย็นใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหารแล้ว

Q1  พระเยซูคริสต์ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างไร? (ดูข้อ 34 ประกอบ) และพระองค์แก้ไขสถานการณ์ในเรื่องใกล้จะถึงเวลารับประทานอาหารเย็นอย่างไร? (ดูข้อ 36, 37 ประกอบ)
Q2  จิตใจที่ดีงามของพระเยซูคริสต์ที่ปรากฏในข้อ 34 และ 37 เป็นแบบอย่างสำหรับคุณในการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไร?

3485/5215