วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม มาระโก 6:14-29 “ยอห์นผู้ให้บัพติสมา”
มาระโกหันมาเขียนถึงเรื่องของยอห์นผู้ให้บัพติสมา เพราะในเวลานั้นมีคนลือกันว่า พระเยซูคริสต์คือ ยอห์นผู้ให้บัพติสมาที่ถูกเฮโรดประหารชีวิตไปแล้ว และเป็นขึ้นมาจากความตาย เพียงแต่เปลี่ยนชื่อเป็นพระเยซูคริสต์ เพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์กระทำนั้นเหมือนกับที่ยอห์นทำ (ข้อ 14-16) จึงทำให้เรารู้ถึงรายละเอียดการตายของยอห์นผู้ให้บัพติสมา
Q1 ยอห์นเสียชีวิตด้วยสาเหตุ? (ดูข้อ 17-18 ประกอบ) และด้วยวิธีการอย่างไร? (ดูข้อ 22-29 ประกอบ)
Q2 ยอห์นคนนี้คือ คนที่พระเยซูคริสต์พูดว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในบรรดาคนซึ่งเกิดจากผู้หญิงมานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอห์นผู้ให้รับบัพติศมา” (มัทธิว 11:11) แต่ดูเหมือนผลลัพธ์ที่เขาได้รับไม่ค่อยน่าชื่นใจสักเท่าไร แต่ยอห์นก็ยังยืนหยัดและทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัย แม้จะต้องตายก็ตาม ชีวิตของยอห์นเป็นตัวอย่างสำหรับคุณในการยืนหยัดและทำในสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยอย่างไร?
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม มาระโก 6:7-13 “ทดสอบ”
หลังจากที่พระเยซูคริสต์ทรงเลือกสาวกทั้ง 12 คนในบทที่ 3 และได้ใช้เวลากับพวกเขามาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ถึงเวลาที่พระองค์จะทดสอบสาวกทั้ง 12 คนแล้วว่า พวกเขาได้เรียนรู้อะไรบ้างจากพระองค์
Q1 พระเยซูคริสต์ทรงมอบหมายให้สาวกทั้ง 12 คนไปทำอะไร? และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร?
Q2 การเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่ต้องใช้เวลาตลอดชีวิตของเรา คุณคิดว่า คุณต้องถูกส่งออกไปทดสอบชีวิตคริสเตียนและชีวิตสาวกในด้านใดเพิ่มเติมบ้าง?
วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม มาระโก 6:1-6 “คนใกล้ตัว”
มีคนเคยถามว่า “การประกาศกับคนกลุ่มใดยากที่สุด?” มีคำตอบที่หลากหลาย แต่คำตอบที่คนตอบเหมือนกันมากที่สุดคือ “การประกาศกับคนใกล้ตัว” พระเยซูคริสต์เองก็พบเจอกับปัญหาแบบเดียวกันกับเรา
Q1 อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระเยซูคริสต์ไม่ได้กระทำการอัศจรรย์มากมาย และใช้เวลาสั่งสอนในเมืองนาซาเร็ธมากนัก ทั้งๆ ที่เป็นบ้านเกิดของพระองค์? (ดูข้อ 2, 3, 6 ประกอบ)
Q2 การที่มีบางคนในเมืองนาซาเร็ธได้รับการรักษาโรคให้หาย (ข้อ 6) สะท้อนให้เห็นถึงการประกาศกับคนในครอบครัวอาจจะเป็นสิ่งที่ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่า เป็นไปไม่ได้ คุณคิดว่า พระเจ้าจะทรงใช้คุณให้ประกาศกับคนในครอบครัวซึ่งเป็นคนใกล้ตัวอย่างไร?
วันพุธที่ 18 มีนาคม มาระโก 5:21-24 ;35-43 “เด็กหญิงอายุ 12 ปี”
ไยรัสคงจะดีใจเมื่อได้รับการตอบรับจากพระเยซูคริสต์ และยิ่งมั่นใจในตัวของพระเยซูคริสต์มากขึ้น เมื่อเห็นหญิงที่ตกโลหิตมา 12 ปี แค่แตะชายเสื้อของพระองค์ก็หายแล้ว ไยรัสคงจะมั่นใจว่า ลูกสาวของเขาต้องหายแน่ๆ แต่ในตอนนั้นเองมีคนจากบ้านของท่าน มาบอกกับไยรัสว่า ลูกสาวของท่านตายแล้ว ไม่ต้องรบกวนพระเยซูคริสต์แล้ว (ข้อ 35)
Q1 ในขณะที่ทุกคนต่างโศกเศร้าร้องไห้เสียใจกับการจากไปของเด็กหญิง แต่พระเยซูคริสต์ทรงแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกไปคือ? (ดูข้อ 36, 39 ประกอบ)
Q2 เมื่อพระเยซูคริสต์บอกว่า “จงเชื่อเถิด” หมายถึง ความเชื่อที่ได้บอกไว้ในฮีบรู 11:1 ที่ว่า “ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง” คุณคิดว่า ในการดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าวันนี้ ยังมีเรื่องใดบ้างที่พระเยซูคริสต์กำลังบอกคุณว่า “จงเชื่อเถิด”
วันอังคารที่ 17 มีนาคม มาระโก 5:21-34 “หญิงตกเลือด 12 ปี”
พระเยซูคริสต์และเหล่าสาวกนั่งเรือกลับมาที่เมืองคาเปอรนาอุมอีกครั้ง ทันทีที่ผู้คนรู้ข่าวว่าพระเยซูคริสต์กลับมาแล้ว ผู้คนจำนวนมากก็เดินทางมาหาพระองค์ (ข้อ 21) มีนายธรรมศาลาคนหนึ่งชื่อ ไยรัส มาพบพระเยซูคริสต์ และร้องขอให้พระองค์เสด็จไปรักษาลูกสาวของเขาที่มีอายุ 12 ปี ที่กำลังป่วยหนักอยู่ที่บ้าน ซึ่งพระเยซูคริสต์ก็รับปาก แต่ในขณะที่จะเดินทางไปก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เป็นเรื่องราวของหญิงที่เจ็บป่วยด้วยโรคตกโลหิต และเป็นมานานกว่า 12 ปี
Q1 อะไรคือสาเหตุที่ทำให้หญิงที่เป็นโรคตกโลหิตตัดสินใจเดินไปแตะชายเสื้อของพระเยซูคริสต์? (ดูข้อ 26, 27, 28, 34 ประกอบ)
Q2 พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถามว่า “ใครถูกต้องชายเสื้อของเรา” เพราะในเวลานั้นมีผู้คนเบียดเสียดอยู่ แต่พระองค์ถามคำถามที่น่าตกตะลึง เพราะพระองค์ถามว่า “ใครถูกต้องเรา” วันนี้คุณอยากจะถูกต้องพระเยซูคริสต์ และรับเอาฤทธิ์อำนาจจากพระองค์เข้ามารักษาชีวิตของคุณในด้านใดบ้าง?