เคล็ดลับในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างหนึ่ง คือ “การเอาใจเขา มาใส่ใจเรา” คือ การที่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น หากคิดที่จะทำอะไรสักอย่างกับผู้อื่น ให้นึกถึงความรู้สึกของเขา โดยสมมุติว่า หากตนเองถูกกระทำเช่นนั้นจะรู้สึกอย่างไร หากเรารู้สึกอย่างไรผู้ที่โดนกระทำก็จะรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน

Q1  คำว่า “จงรัก” “จงทำดี” “จงอวยพร” “จงอธิษฐาน” “จงให้” และ “จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน” มีส่วนทำให้ปัญหาความขัดแย้งหมดไปได้อย่างไร?
Q2  ใครคือคนที่คุณจะนำคำสอนที่ว่า “จงปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน” ไปใช้ด้วย?

ในปัญหาความขัดแย้ง อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นคือ การใช้คำพูดที่รุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย และทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยคิดว่าการใช้คำพูดที่เจ็บปวดเหล่านั้นจะช่วยให้ตนเองได้เปรียบฝั่งตรงข้าม และได้ชัยชนะในที่สุด

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บอกว่า สิ่งที่จะทำให้ความโกรธหายไป และลดปัญหาความขัดแย้งคืออะไร?
Q2  ชีวิตของพระเยซูคริสต์ใน 1 เปโตร 2:23 ที่ว่า “เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์ พระองค์ไม่ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ พระองค์ไม่ได้ทรงมาดร้าย แต่ทรงมอบเรื่องของพระองค์ไว้แก่พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม” เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับคุณในการแก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างไร?

ปัญหาต่อเนื่องอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นในปัญหาความขัดแย้งคือ “ความโกรธ” และความโกรธที่ว่านี้มักจะมาพร้อมกับการโต้ตอบที่รุนแรง และขาดการยับยั้งชั่งใจ และในบางครั้งผลที่ตามมาอาจจะเลวร้ายถึงกับเสียชีวิตกันเลยทีเดียว เหมือนกับที่เราได้เห็นตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์กันบ่อยๆ

Q1  “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่” พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง?
Q2  มีคนบอกว่า เวลาคนโกรธ แล้วมักจะขาดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้ เป็นความจริงเพียงครึ่งเดียว ความโกรธ อาจจะทำให้เราขาดสติ (คิดไม่รอบคอบ) แต่เรายังควบคุมตนเองได้ เรามีสิทธิที่จะเลือกทำตามอารมณ์ของเราที่โกรธ หรือเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ เหมือนกับที่พระเจ้าเตือนคาอินที่โกรธน้องว่า
6พระเจ้าจึงตรัสถามคาอินว่า “เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไม 7ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้” (ปฐมกาล 4:6-7) อธิษฐานขอพระเจ้าให้คุณเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง เมื่อมีข้อขัดแย้งกับผู้อื่น

ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง นอกจากจะไม่ค้นหาว่าใครเป็นฝ่ายผิดแล้ว ในบางครั้งเป็นการบอกกับตัวเองว่า ลืมไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แน่นอนว่า เราไม่ได้ลืมจริงๆ แต่การลืมว่าอะไรเกิดขึ้น ในอีกความหมายหนึ่งคือ “การให้อภัย” หรือ “การไม่ยินยอมให้สิ่งที่เกิดขึ้นมีอิทธิพลทำให้คุณเกิดความรู้สึกไม่พอใจ หรือขัดแย้งอีกต่อไป โดยถือว่า คู่ขัดแย้งของคุณไม่เคยทำอะไรผิดต่อคุณเลย”

Q1  เปโตรถามพระเยซูคริสต์ว่า ควรจะให้อภัยพี่น้องสัก 7 ครั้งดีไหม แต่พระเยซูคริสต์ตอบว่า 7 x 70 ครั้ง (490 ครั้ง) ซึ่งแน่นอนว่า พระองค์ไม่ได้บอกให้นับจำนวนครั้ง แต่จากคำอุปมาในข้อ 23-35 ทำให้เรารู้ว่า 7 x 70 ครั้งหมายความว่าอย่างไร? (ดูข้อ 35 ประกอบ)
Q2  “พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงกระทำแก่ท่านทุกคนอย่างนั้น ถ้าหากว่าท่านแต่ละคนไม่ยกโทษให้แก่พี่น้องของท่านด้วยใจกว้างขวาง”คำพูดของพระเยซูข้อนี้ ช่วยให้คุณมีชัยชนะเหนือปัญหาความขัดแย้งได้อย่างไร?

เวลาที่มีปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น ปัญหาหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น คือ การมองหา “คนที่ทำผิด” หรือ “คนที่ต้องรับผิด” ในสิ่งที่เกิดขึ้น แทนที่จะมองที่ “ตัวของปัญหา” และหาทางแก้ปัญหา และสิ่งที่ตามมาเมื่อเรามองที่ “ตัวคน” คือ “การกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่ง”

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้เตือนสติเราว่า ก่อนที่เราจะกล่าวโทษคนอื่น เราควรจะทำสิ่งใดก่อน? (ดูข้อ 4-5 ประกอบ)
Q2  คุณจะนำคำสอนในเรื่องนี้ไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่คุณมีได้อย่างไร?

3505/5215