วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม มัทธิว 5:37 “จริงก็ว่าจริง”
ในมุมหนึ่งความขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะเราแต่ละคนมักจะคิดว่า การหลบหนีหน้า การไม่ยอมเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น หรือ การพูดอย่างนุ่มนวล และปกปิดความจริง น่าจะเป็นวิธีการที่นุ่มนวล เรียกว่า บัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
Q1 “จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว” พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังสอนอะไรเราเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง?
Q2 การพูดความจริงไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าเราเรียนรู้ที่จะพูดด้วยความรัก และความห่วงใย คำโกหกอาจจะทำให้สถานการณ์ดูดีขึ้น แต่เมื่อความจริงปรากฏ ทุกอย่างจะเลวร้ายกว่าเดิม คิดถึงความขัดแย้งที่คุณมี อธิษฐานของสติปัญญาจากพระเจ้าที่จะแก้ไขด้วยความจริง ที่ประกอบด้วยความรักและห่วงใย
วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ มาระโก 4:35-41 “พายุใหญ่”
ทะเลสาบกาลิลีเป็นทะเลสาบที่มีภูเขาอยู่ล้อมรอบ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดพายุใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทุกคนในบริเวณทราบเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี พระเยซูคริสต์ซึ่งทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ได้นอนพักอยู่ท้ายเรือ ในเวลานั้นเองได้เกิดพายุใหญ่เกิดขึ้นและพระคัมภีร์บันทึกว่า จนมีคลื่นใหญ่และน้ำเข้าเรือจนเกือบจะจม
Q1 พวกสาวกพยายามที่จะรักษาเรือไว้ แต่สุดท้ายก็หมดความสามารถต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพระเยซูคริสต์ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ? (ดูข้อ 39, 41 ประกอบ)
Q2 คำพูดของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “ทำไมเจ้ากลัว เจ้าไม่มีความเชื่อหรือ” หนุนใจคุณอย่างไรในการเผชิญหน้ากับเรื่องราวบางอย่างในชีวิตของคุณที่เปรียบเสมือน “พายุใหญ่” ในเวลานี้
วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ มาระโก 4:30-34 “ต้นไม้ใหญ่”
30พระองค์ตรัสอีกว่า “แผ่นดินของพระเจ้า จะเปรียบเหมือนสิ่งใด หรือจะสำแดงด้วยคำอุปมาอย่างไร 31ก็อุปมาเหมือนเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง เวลาเพาะลงในดินนั้น ก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วทั้งแผ่นดิน 32แต่เมื่อเพาะแล้วจึงงอกขึ้นจำเริญโตใหญ่กว่าผักทั้งปวง และแตกกิ่งก้านใหญ่พอให้นกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ในร่มนั้นได้”
Q1 อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ ค่อยๆ ให้เนื้อหาของพระคัมภีร์ปรากฏเป็นภาพในความคิดของคุณ คำว่า “เมล็ดพืช” “เพาะลงในดิน” “เมล็ดเล็ก” “จำเริญโตกว่าผักทั้งปวง” “แตกกิ่งก้านใหญ่” “ทำรังอาศัยได้” ช่วยให้คุณเห็นถึงกระบวนการเติบโตในความเชื่อของผู้ที่เชื่อในพระเจ้าอย่างไร?
Q2 คุณจะให้พระธรรม โคโลสี 2:6-7 ที่ว่า “6เหตุฉะนั้นเมื่อท่านได้รับพระเยซูคริสต์เจ้าแล้วฉันใด จงปฏิบัติพระองค์ด้วยฉันนั้น 7จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ และมั่นคงอยู่ในความเชื่อ ตามที่ท่านได้รับคำสั่งสอนมาแล้ว และจงบริบูรณ์ด้วยการขอบพระคุณ”เป็นจริงในชีวิตของคุณได้อย่างไร?
วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ มาระโก 4:26-29 “หว่านพืช”
26พระองค์ตรัสว่า “แผ่นดินของพระเจ้าอุปมาเหมือนคนหนึ่งหว่านพืชลงในดิน 27แล้วกลางคืนก็นอนหลับ และกลางวันก็ตื่นขึ้น ฝ่ายพืชนั้นจะงอกจำเริญขึ้นอย่างไรเขาก็ไม่รู้ 28เพราะแผ่นดินเองทำให้พืชงอกจำเริญขึ้นเป็นลำต้นก่อน ภายหลังก็ออกรวง แล้วก็มีเมล็ดข้าวเต็มรวง 29ครั้นสุกแล้วเขาก็ใช้คนไปเกี่ยวเก็บทีเดียว เพราะว่าถึงฤดูเกี่ยวแล้ว”
Q1 อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ช้าๆ 2-3 รอบ ค่อยๆ ให้เนื้อหาของพระคัมภีร์ปรากฏเป็นภาพในความคิดของคุณ คำว่า “หว่านพืชลงในดิน” “งอกจำเริญขึ้น” “เป็นลำต้น” “ออกรวง” “เมล็ดข้าว” “สุก” “เก็บเกี่ยว” ช่วยให้คุณเห็นถึงกระบวนการในประกาศข่าวประเสริฐอย่างไร?
Q2 โรม 10:17 เขียนไว้ว่า “ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์” คุณจะมีส่วนในการหว่านพระวจนะของพระเจ้า (ประกาศ) หรือจะมีส่วนในการเก็บเกี่ยว (พาคนมาเชื่อพระเยซูคริสต์) ได้อย่างไร?
วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ มาระโก 4:21-25 “ตะเกียง”
คำอุปมาเรื่องต่อมาของพระเยซูคริสต์ก็สอดคล้องกับคำอุปมาดิน 4 แบบ ดูเหมือนว่า คำอุปมาเรื่องนี้พยายามที่จะอธิบายเพิ่มเติมว่า ดินที่ดี ดินที่เกิดผลนั้น ควรจะมีลักษณะอย่างไร พระองค์ทรงใช้คำถามที่รู้คำตอบแล้วอีกครั้ง นั้นคือ “เขาเอาตะเกียงมาสำหรับตั้งไว้ใต้ถัง ใต้เตียงนอนหรือ และมิใช่สำหรับตั้งไว้บนเชิงตะเกียงหรือ?” ซึ่งคำตอบคือ ไม่ได้ตั้งไว้ใต้ถัง ใต้เตียง แต่ตั้งไว้บนเชิงตะเกียง”
Q1 คำว่า “ตั้งไว้บนเชิงตะเกียง” “ไม่มีสิ่งใดซ่อนไว้” “ไม่มีสิ่งใดไม่ปรากฏ” “ไม่มีสิ่งใดปิดบัง” และ “ใครมีหู จงฟังเถิด” เกี่ยวข้องกับการเกิดผลดีอย่างไร?
Q2 คุณจะนำคำเตือนของพระเยซูคริสต์ที่ว่า “จงเอาใจจดจ่อต่อสิ่งที่ฟังให้ดี” ไปใช้ในการดำเนินชีวิตที่เป็นดินดี และเป็นแสงสว่างได้อย่างไร?