คำอุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งที่เหมือนกันหรือแตกต่างกันใช้คำว่า ดุจ ดั่ง ราว เสมือน เป็น เหมือน อย่าง เท่า ราวกับ เป็นต้น ส่วนมากเป็นคำที่ใช้อยู่ใกล้ตัวทุกๆ วัน ถ้า เพื่อสร้างความหมายใหม่ให้เกิดขึ้น พระเยซูคริสต์เองก็ใช้คำอุปมาสำหรับการสอนเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะพระองค์ต้องการให้คนที่สนใจจริงๆ เท่านั้นที่จะเข้าใจ

Q1  พระเยซูคริสต์ตรัสเป็นคำอุปมาไว้น่าสนใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ “ความหมาย”
Q2  ลองทบทวนชีวิตของคุณว่า คุณเป็นดินแบบไหน? และดินแบบไหนที่พระเจ้าอยากให้คุณเป็น?

ดูเหมือนว่า คนที่มารายล้อมที่จะฟังคำสอน และดูการอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นไม่ได้มีเฉพาะคนทั่วไปเท่านั้น แม้แต่คนในครอบครัวของพระเยซูคริสต์ก็อยู่ในบริเวณนั้นด้วย มีบางคนเห็นและทูลบอกพระเยซูคริสต์ว่า “มารดาและน้องของพระองค์มาหา และรอคอยอยู่ข้างนอก” เป็นอีกครั้งที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น เพื่อจะให้บทเรียนฝ่ายจิตวิญญาณ ในเรื่อง “ครอบครัวของพระเจ้า”

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงตั้งคำถามว่า “ใครเป็นมารดาของเรา และใครเป็นพี่น้องของเรา” คำตอบคือ? (ดูข้อ 34-35 ประกอบ)
Q2  คุณก็เป็นคนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เหมือนในพระธรรมเอเฟซัส 2:19 ที่ว่า “เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ใช่คนต่างด้าวต่างแดนอีกต่อไป แต่ว่าเป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน และเป็นครอบครัวของพระเจ้า” คุณคิดว่า พระเจ้าทรงปรารถนาให้คุณมีบทบาทอย่างไรบ้างในครอบครัวใหญ่ที่ชื่อว่า คริสตจักรพระคุณ

เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ในการประกาศสั่งสอน การอัศจรรย์ในเรื่องการรักษาโรค และการขับผีเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว และเป็นเรื่องที่ถูกนำมาพูดคุยถกเถียงกัน โดยเฉพาะในเรื่องการขับผี (ในวัน   สะบาโต) มีญาติของพระองค์คิดว่า การกระทำของพระเยซูคริสต์เป็นเรื่องที่คนวิกลจริตทำกัน เพราะปกติไม่มีใครรักษาโรคในวันสะบาโต (ข้อ 21) และมีคนกล่าวหาว่า การที่พระเยซูคริสต์ขับผีออกได้ เพราะถูกเบเอลเซบูลซึ่งเป็นนายของผีทั้งปวงเข้าสิง (ข้อ 22)

Q1  จากลักษณะการตอบของพระเยซูคริสต์ในข้อ 23-27 คุณคิดว่า พระเยซูคริสต์เป็นคนที่วิกลจริต หรือ เป็นคนที่ถูกผีสิงและขาดสติในการควบคุมตนหรือไม่? อธิบาย
Q2  บางครั้งการพูด หรือ การวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่มีข้อมูลที่แน่นอน เป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพูด หรือวิพากษ์วิจารณ์พระเจ้า โดยเฉพาะน้ำพระทัยและความจริงของพระเจ้าที่ทรงเปิดเผยผ่านทางพระคัมภีร์ อธิษฐานขอให้จิตใจของคุณเปิดออก และยอมรับคำสอนของพระเจ้าในทุกกรณี

พระเยซูคริสต์ทรงเลือกสาวกทั้ง 12 คน โดยมีจุดประสงค์ 3 ประการคือ 1. เพื่อพวกเขาจะอยู่กับพระองค์ (ติดตามอย่างใกล้ชิด) 2.เพื่อใช้พวกเขาไปประกาศ 3. เพื่อให้พวกเขามีสิทธิอำนาจในการรักษาโรค และขับผีได้

Q1  พระเยซูคริสต์ใช้วิธีการอย่างไรในการคัดเลือกสาวกทั้ง 12 คน? (ดูข้อ 13 และลูกา 6:12-13 ประกอบ)
Q2  เมื่อคุณต้องตัดสินใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณจะนำแนวทางในการตัดสินใจเลือกสาวกของพระเยซูคริสต์มาใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

แม้ว่าพระเยซูคริสต์จะถูกจับผิดในเรื่องของการทำงานในวันสะบาโตในบทที่ 2 ในบทที่ 3:1 ซึ่งอาจจะเป็นวันสะบาโตเดียวกัน พระเยซูคริสต์ก็ยังกระทำในสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในบทที่ 2:27-28 ที่ว่า “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ มิใช่ทรงสร้างมนุษย์ไว้สำหรับวันสะบาโต เหตุฉะนั้นบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโตด้วย” พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนที่มีมือลีบข้างหนึ่งหาย และหลังจากออกจากธรรมศาลา ก็ยังไปรักษาโรคและขับผีให้กับผู้คนอีกเป็นอันมาก

Q1  ในขณะที่พวกฟาริสีซึ่งมีใจแข็งกระด้างมองว่า การทำงานในวันสะบาโตเป็นสิ่งที่ผิดกฎของพระเจ้า โดยไม่มีข้อยกเว้น แต่พระเยซูคริสต์กำลังสอนในอีกมุมมองหนึ่ง แน่นอนว่าพระเยซูคริสต์ไม่ได้สอนผู้คนไม่ให้รักษาวันสะบาโต หรือให้ทำงานในวันสะบาโต แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรจะทำถึงแม้จะเป็นวันสะบาโตก็ตาม สิ่งนั้นคือ? (ดูข้อ 4 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า อะไรคือ “การดี” ที่พระเจ้าอยากจะให้คุณกระทำในทุกๆ วันของชีวิต?

3515/5215