หลังจากที่กรุงเยรูซาเล็มโดนกองทัพบาบิโลน (บทที่ 39) ก็มีคนที่มีอำนาจวนเวียนขึ้นมาเป็นใหญ่ในเยรูซาเล็ม ในบทที่ 42 เป็นช่วงระยะเวลาที่โยฮานันมีอำนาจ ท่านได้เข้ามาปรึกษาเยเรมีย์ว่า ควรจะหนีไปพึ่งพาอียิปต์ หรือไม่ เพราะกลัวว่าบาบิโลนจะยกกองทัพมาทำร้ายพวกเขา ซึ่งพวกเขาเองก็คิดว่าคงจะต่อสู้ไม่ไหว เพราะมีกำลังน้อย (ข้อ 2) ซึ่งเยเรมีย์ก็รับปากว่า จะอธิษฐานทูลถามพระเจ้าให้และจะบอกให้โยฮานันทราบว่า พระเจ้ามีพระประสงค์อย่างไร?

Q1  เยเรมีย์ใช้เวลากี่วันในการอธิษฐานขอคำตอบจากพระเจ้า? (ดูข้อ 7) และพระเจ้าทรงตอบว่าอย่างไร? (ดูข้อ 10-11, 19 ประกอบ)
Q2  ท่ามกลางปัญหาที่ดูเหมือนไม่มีทางออก เยเรมีย์เลือกที่จะอธิษฐาน และรอคอย คุณมีเรื่องใดในชีวิตที่หนักใจ และหาคำตอบไม่ได้ อธิษฐานมอบเรื่องเหล่านั้นไว้กับพระเจ้า และเชื่อว่าพระองค์จะตอบคุณเหมือนกับที่ทรงตอบเยเรมีย์

สำหรับผู้ชายแล้ว “การร้องไห้” ถือเป็นการแสดงความอ่อนแออย่างหนึ่ง ดังนั้นเด็กผู้ชายส่วนใหญ่จะถูกสอนว่า เป็นผู้ชายต้องเข็มแข็ง ห้ามร้องไห้ แต่ในความจริง “น้ำตา” หรือ “การร้องไห้” เป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่ตอบสนองต่อความรู้สึกส่วนลึกของจิตใจ โดยเฉพาะความเศร้าโศก ความเสียใจที่ไม่อาจจะพูดออกมาเป็นคำพูดได้ น้ำตาจึงเป็นเหมือนกับเสียงที่ถูกส่งออกมาว่า จิตใจของเรามีความเศร้าโศกเสียใจมากแค่ไหน เยเรมีย์เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเสียน้ำตาเป็นจำนวนมาก จนได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า “ผู้เผยพระวจนะเจ้าน้ำตา”

Q1  จากพระคัมภีร์ตอนนี้ คุณคิดว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เยเรมีย์ร้องไห้อย่างหนักหน่วง ทั้งกลางวันและกลางคืน น้ำตาแตกเหมือนกับบ่อน้ำ? (ดูข้อ 1ข. 2ข. 3 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า ถ้าเวลานี้พระเยซูคริสต์มองดูชีวิตของคุณ พระองค์ทรงชมเชยคุณว่า เป็นผู้เชื่อที่สัตย์ซื่อ หรือพระองค์ทรงร้องไห้คร่ำครวญ เพราะการกระทำของคุณ ใช้เวลาอธิษฐานส่วนตัวกับพระเจ้า

การเผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิม พระเจ้าไม่ได้เผยพระวจนะผ่านแค่คำพูดเท่านั้น แต่หลายๆ ครั้งพระเจ้าเผยพระวจนะโดยใช้ “ชีวิตของผู้เผยพระวจนะ” เอง เช่น ชีวิตของโฮเชยา พระเจ้าทรงสั่งให้ท่านแต่งงานกับหญิงที่เจ้าชู้ และวันหนึ่งภรรยาของท่านก็ทิ้งท่านไป เพื่อจะสะท้อนให้เห็นว่า อิสราเอลก็เป็นเหมือนกับหญิงเจ้าชู้ ที่แต่งงานกับพระเจ้า และวันหนึ่งก็ทิ้งพระเจ้าไปหารูปเคารพ ซึ่งชีวิตของเยเรมีย์ก็คล้ายๆ กัน พระเจ้าทรงเผยพระวจนะผ่านชีวิตของเยเรมีย์ โดยสั่งห้ามไม่ให้เยเรมีย์แต่งงาน

Q1  คุณคิดว่า พระเจ้าต้องการจะสอนอะไรจากการที่ห้ามเยเรมีย์แต่งงาน? (ดูข้อ 3-5 ประกอบ)
Q2  การแต่งงานในครอบครัวที่ไม่เชื่อพระเจ้า จะไม่สามารถส่งต่อความเชื่อไปยังลูกหลานได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่การแต่งงานที่สมบูรณ์ พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะเห็นการแต่งงานที่ถูกต้อง นั้นคือ การแต่งงานกับคนที่มีความเชื่อเดียวกัน ถ้าคุณยังไม่แต่งงาน อธิษฐานขอพระเจ้าที่จะเตรียมคู่พระพรที่มีความเชื่อเหมือนกันให้กับคุณ ถ้าคุณมีแฟน และแฟนยังไม่เป็นคริสเตียน พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังเตือนสติคุณอย่างไร ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณจะถ่ายทอดความเชื่อแบบนี้ให้กับลูกหลานของคุณอย่างไร

พระเจ้าทรงเปิดเผยให้เยเรมีย์รู้ว่า ไม่เพียงแต่ท่านเองจะถูกต่อต้านจากผู้คนในกรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น แม้แต่ญาติพี่น้อง (12:6) และเพื่อนที่อยู่ในบ้านเกิดของเยเรมีย์คือ ที่ตำบลอานาโธท (ข้อ 21) ก็จะต่อต้านการเผยพระวจนะของเยเรมีย์เช่นกัน ซึ่งพระเจ้าได้ทรงตอบโต้ชาวเมืองอานาโธทอย่างรุนแรง (ข้อ 22-23)

Q1  การต่อต้านของญาติพี่น้อง คนในครอบครัว และชาวเมืองอานาโธทต่อเยเรมีย์ มีความรุนแรงมากแค่ไหน? (ดูข้อ 21 ประกอบ)
Q2  สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยเรมีย์ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้รับที่เมืองนาซาเร็ธ (มัทธิว 13:53-58) สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในอีกมุมหนึ่งว่า การประกาศกับคนในครอบครัว (พ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ฯลฯ) ไม่ใช่สิ่งที่ง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่า ให้เลิกประกาศ เรายังคงต้องประกาศต่อไป ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อคนในครอบครัวของคุณที่ยังไม่รู้จักกับพระเจ้า และขอพระเจ้าทรงใช้ชีวิตของคุณในการประกาศข่าวประเสริฐในบ้าน

การทำงานของเยเรมีย์ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย เพราะเขาต้องวิ่งไปมาทั่วทั้งกรุงเยรูซาเล็ม (ข้อ 1) เพื่อจะเป็นปากเสียงของพระเจ้า และเรียกร้องให้ชนชาติอิสราเอลกลับใจ ทั้งๆ ที่พระเจ้าก็รู้ว่าในกรุงเยรูซาเล็มในเวลานั้นทุกคนต่างก็หลงจากทางของพระเจ้า (ข้อ 1)

Q1  ดูเหมือนว่าเยเรมีย์มีจิตใจที่ดี ไม่อยากเห็นอาณาจักรยูดาห์ถูกทำลาย เขาต่อรองกับพระเจ้าว่า ประชาชนธรรมดาอาจจะไม่มีความคิด (ข้อ 4) แต่พวกผู้ใหญ่ (กษัตริย์ /ปุโรหิต/ผู้นำ) น่าจะมีสักคนยังสัตย์ซื่อกับพระเจ้า และยังติดตามพระเจ้าอยู่ แต่เมื่อเยเรมีย์ไปหาพวกผู้ใหญ่ผลคือ? (ดูข้อ 5 ประกอบ) และผลที่เกิดขึ้นจากการไม่สัตย์ซื่อกับพระเจ้าคือ? (ดูข้อ 6 ประกอบ)
Q2  ในพระธรรม 2 เปโตร 3:9-10 กล่าวไว้ว่า “9องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ เพราะเห็นแก่ท่านทั้งหลายมาช้านาน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดพินาศเลย แต่ทรงปรารถนาที่จะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่ 10แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมา และในวันนั้น ท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินโลกกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่ในโลกนั้น จะต้องไหม้เสียสิ้น” คิดถึงคนที่คุณรักที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ถึงเวลาหรือยังที่คุณจะทำหน้าที่เหมือนกับเยเรมีย์ ที่จะวิ่งไปหาคนคนนั้น และประกาศข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์ ก่อนที่เวลาจะหมด

3545/5214