ยูดาได้อธิบายและให้นิยามคนที่เข้ามาหลอกลวงพี่น้องคริสเตียนว่า “เป็นพวกที่เพ้อฝัน” (ข้อ 8) “เป็นผู้ที่ก้าวร้าวไม่มีความเข้าใจ” (ข้อ 10) “เป็นเหมือนกับสัตว์เดียรัจฉาน” (ข้อ 10) “เป็นเหมือนหินโสโครก” (ข้อ 12) “เป็นคนเลี้ยงแกะที่เลี้ยงแต่ตัวเอง” (ข้อ 12) “เป็นเมฆที่ไม่มีน้ำ” (ข้อ 12) “เป็นต้นไม้ที่ไร้ผล เมื่อต้องออกผล” (ข้อ 12) “เป็นคลื่นอันร้ายแรง” (ข้อ 13) “เป็นดาวที่พลัดออกนอกวงโคจร” (ข้อ 13) และ “เป็นผู้ที่อยู่ในความมืดทึบตลอดกาล” (ข้อ 13)

Q1  คุณคิดว่า ทำไมยูดาจึงเปรียบเทียบคนสอนผิดด้วยคำนิยามที่รุนแรงเป็นอย่างมาก?
Q2  เวลาที่คุณได้ยินคำสอนผิดเกี่ยวกับพระเจ้า เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ เกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือเกี่ยวกับความเชื่อของคริสเตียน คุณตอบสนองอย่างไร? เหมือนหรือแตกต่างจากการตอบสนองของยูดา?

ยูดาได้ยกตัวอย่างถึง 3 ตัวอย่างคือ “ชนชาติอิสราเอล” “ซาตาน” และ “เมืองโสโดม เมืองโกโมราห์” เพื่อจะบอกถึง “ปลายทางสุดท้าย” ของคนเหล่านั้นที่ละทิ้งความเชื่อ และไม่ยอมรับในการเป็นพระเจ้าผู้เป็นเจ้านาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่องค์เดียว

Q1  อะไรคือ “ปลายทางสุดท้าย” ของคนเหล่านั้นที่ละทิ้งความเชื่อ? (ดูข้อ 5ข 6ข และ 7ข ประกอบ)
Q2  ปลายทางสุดท้ายของคนทั้ง 3 กลุ่ม ช่วยเตือนสติคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมที่ไม่เชื่อพระเจ้าวันนี้

ยูดาเรียกคนที่มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ว่า “ท่านที่รักทั้งหลาย” (ข้อ 3) เพราะเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรัก (ข้อ 1) โดยเรียกร้องให้ผู้ที่พระเจ้าทรงรักยึดมั่นในหลักคำสอนที่ได้เปิดเผยทางพระเยซูคริสต์ – ครั้งเดียวก็พอ (ข้อ 3)

Q1  ยูดาได้บอกว่า “คนอธรรม” จะเข้ามาหลอกลวงคริสเตียน (ข้อ 4ก) และใครที่หลงเชื่อจะมีผล 2 ประการเกิดขึ้นคือ? (ดูข้อ 4ข ประกอบ)
Q2  ประโยคที่ว่า “พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแต่องค์เดียว” จะช่วยคุณให้ยืนหยัดอยู่ในความเชื่อ และไม่หลงไปกับคำสอนผิดได้อย่างไร?

น่าสนใจว่า ทั้งยูดาและยากอบไม่ได้แนะนำตนเองว่า เป็นน้องชายของพระเยซูคริสต์ อาจจะเป็นเพราะท่านทั้งสองไม่ปรารถนาที่จะได้รับสิทธิพิเศษในฐานะคนในครอบครัวเดียวกับพระเยซูคริสต์

Q1  คุณคิดว่า ยูดามีเหตุผลอย่างไรที่ท่านได้แนะนำตนเองว่า “ยูดาผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์…” ?
Q2  คุณคิดว่า คุณจะสามารถแนะนำตัวคุณเองกับผู้อื่นในฐานะของ “ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์” ได้อย่างไร?

จากข้อ 14 เรารู้ว่า พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายตาบอดแต่กำเนิดในวันสะบาโต ซึ่งแน่นอนว่า สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับพวกฟาริสีเป็นอย่างมาก เพราะพระเยซูคริสต์กระทำอย่างนี้เป็นครั้งที่ 7 แล้ว และการกระทำครั้งนี้ของพระเยซูคริสต์เป็นการกระทำที่มีความสำคัญ เพราะพระองค์ทรงรักษาคนที่ตาบอดแต่กำเนิดให้หาย ซึ่งเป็นหมายสำคัญเล็งถึง “พระมาซีฮา” ที่จะมาปลดปล่อยชนชาติอิสราเอล ทำให้มีเรื่องราวมากมาย (ดูข้อ 18-41 เพิ่มเติม)

Q1  มีคนถามพระเยซูคริสต์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ใครได้ทำผิดบาป ชายคนนี้หรือบิดามารดาของเขา เขาจึงเกิดมาตาบอด” (ข้อ 2) พระองค์ทรงตอบว่าอย่างไร? (ดูข้อ 3 ประกอบ)
Q2  คุณคิดว่า อะไรคือ “พระราชกิจ” ของพระเจ้าที่พระองค์ทรงปรารถนาอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ?

3555/5214