เฝ้าเดี่ยว วันพุธ 23 มี.ค. เอเสเคียล 4:1-17
การแสดงออกของเอเสเคียลเป็นการพยากรณ์ถึงการล่มสลายของอิสราเอล และยูดาห์ที่จะต้องถูกทำลาย และตกเป็นเชลย ภาพการกินอาหารและใช้มูลสัตว์ในการทำอาหารเป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในสภาวะสงครามที่จะมาถึง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากความผิดบาปที่อิสราเอลและยูดาห์หันหลังไม่เชื่อฟังพระเจ้า ผลลัพท์ของอิสราเอล และยูดาห์ เตือนสติคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตในวันนี้
เฝ้าเดี่ยว วันอังคาร 22 มี.ค. เอเสเคียล 3:22-27
พระเจ้าได้ทรงกระทำให้เอเสเคียลเป็น “ยาม” หรือ “ผู้เฝ้าดูชนชาติของพระองค์” การที่พระเจ้าทรงกระทำให้เอเสเคียลเป็นใบ้ และจะพูดได้ก็ต่อเมื่อพระเจ้าพูดกับเขา
เฝ้าเดี่ยว วันจันทร์ 21 มี.ค. เอเสเคียล 3:12-21
ใจของเอเสเคียลขมขื่น เพราะพระเจ้าได้บอกล่วงหน้าแล้วว่า คนอิสราเอลจะไม่ฟังสิ่งที่เขาบอก (เพราะเป็นชนชาติที่มักกบฏ หน้าด้าน และดื้อดึง เอเสเอียล 2:1-10)
เฝ้าเดี่ยว วันอาทิตย์ 20 มี.ค. เอเสเคียล 3:1-11
ในนิมิตพระเจ้าให้เอเสเคียลรับประทานพระวจนะของพระเจ้าก่อนออกไปทำตามคำสั่งของพระเจ้า ในการตักเตือนคนอิสราเอล และเอเสเคียลพบว่า “พระวจนะของพระเจ้าหวานเหมือนน้ำผึ้ง” (ข้อ 3) ความจริงในพระวจนะของพระเจ้า เป็นสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คนที่ฟังและทำตามก็จะได้พบกับความสุข แต่ผู้ฟังแล้วละเลยก็จะต้องได้รับผลร้ายที่ตามมาเช่นกัน คุณเป็นผู้ที่ฟังและทำตาม หรือผู้ที่ฟังแล้วละเลย?
เฝ้าเดี่ยว วันเสาร์ 19 มี.ค. เอเสเคียล 2:1-10
เอเสเคียลได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้ไปตักเตือนคนอิสราเอล ที่พระเจ้าทรงเรียกพวกเขาว่า “ชนชาติที่มักกบฏ” “หน้าด้าน และดื้อดึง” ลักษณะเหล่านั้นมีอยู่ในตัวคุณหรือไม่? ถ้ามีคุณคิดว่าพระเจ้าจะคิดอย่างไร? และพระองค์มีพระประสงค์จะให้คุณจัดการอย่างไรกับลักษณะเหล่านั้นในชีวิตของคุณ