แม้พระเจ้าจะทรงใช้บาบิโลนมาลงโทษคนยิว แต่ในขณะเดียวกันบาบิโลนก็ทำความผิดบาปมากมาย  ดังนั้นพระเจ้าจึงลงโทษบาบิโลนเช่นกัน คุณอาจจะได้ยินคำสอนที่ว่า “ทำความดีชดใช้ความผิดที่เคยทำ” แต่จากตัวอย่างของบาบิโลน เราพบความจริงว่า พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความบริสุทธิ์ และเที่ยงธรรม พระองค์ทรงรัก “คุณ” ที่เป็นคนบาป แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ทรงเกลียด “ความบาป” ที่คุณกระทำ ความจริงในเรื่องนี้ช่วยเหลือคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิตคริสเตียน

บทที่ 50-51 เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับกรุงบาบิโลนว่าจะถูกทำลาย บาบิโลนได้เคยเป็นเหมือนถ้วยทองคำในพระหัตถ์ของพระเจ้า (ข้อ7) หมายถึง การที่พระเจ้าได้อนุญาตให้บาลิโลนได้กลายเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่  แต่สุดท้ายอวสานก็มาถึง (ข้อ 13)  ทุกอย่างล้วนมีเวลาแห่งการสิ้นสุด ชีวิตของเราก็เช่นกัน  ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของคุณ คุณพร้อมที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าหรือไม่?

ในข้อ 23-39 กล่าวถึง 4 ประเทศในขณะนั้น คือ เมืองดามัสกัส (ปัจจุบันคือประเทศซีเรีย) เผ่าเคดาร์ ราชอาณาจักรฮาโซร์ (อาณาจักรอาหรับ) และเมืองเอลาม (ปัจจุบันคือประเทศอิหร่าน) พระเจ้าทรงเป็นผู้กระทำให้เมืองเหล่านี้ถึงจุดจบล่มสลาย (ข้อ 26, 27, 29, 32-33) ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเป็นผู้ให้กลับคืนสู่สภาพดี (ข้อ 39) ความจริงในเรื่องนี้ ช่วยให้คุณรู้จักพระเจ้ามากขึ้นในแง่มุมใด?

เนื้อหาในบทที่ 49 เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับคนอัมโมน (ปัจจุบันเป็นเขตหนึ่งของประเทศจอร์แดน) และเมืองเอโดม พระคัมภีร์ตอนนี้เปรียบคนเอโดมเสมือนนกอินทรีย์ที่ทำรังอยู่ในที่สูงแสดงว่าพวกเขามีท่าทีอย่างไร? (ดูข้อ 7,16 ประกอบ) ความสามารถและสติปัญญาเป็นสิ่งที่ดี  แต่เราควรจะใช้มันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเพื่อผลประโยชน์ของคนอื่น มากกว่าตัวเองเพียงฝ่ายเดียว

คนโมอับมีลักษณะที่เด่นชัดอย่างหนึ่งคือ “ความโอหัง” (การยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง) แต่สุดท้ายเราก็พบว่า โมอับก็ล้มลงในที่สุด  มีสิ่งใดในชีวิตของคุณที่หยิ่งผยอง โอหัง และทำให้คุณมองคนอื่นต่ำกว่า อธิษฐานขอพระเจ้าทรงปลดปล่อยคุณ และให้คุณมีความถ่อมใจมากพอที่จะยอมรับผู้อื่น

9430/9511