ข้าพเจ้าจะ@ระลึกถึงพระราชกิจทั้งหลายของพระยาห์เวห์ใช่แล้ว
ข้าพระองค์จะ@ระลึกถึงบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ในสมัยก่อนๆ

Q1 “การระลึกถึง” พระราชกิจและการอัศจรรย์ของพระเจ้า มีผลอย่างไรต่อความเชื่อ และการดำเนินชีวิตของคริสเตียน? (ดู สดุดี 77:14 ประกอบ)
Q2 ทบทวนถึง “พระราชกิจ” และ “การอัศจรรย์” ที่พระเจ้าทรงกระทำในชีวิตของคุณ 3 เรื่อง อธิษฐานสรรเสริญ และขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีงามเหล่านั้น
หมายเหตุ: สดุดี 77:14 พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ ผู้ทรงสำแดงฤทธานุภาพของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  ปฐมกาล 36-38 มัทธิว 10:26-42

พระเจ้าจึง1.ทรงอวยพรวันที่เจ็ด 2.ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์
เพราะในวันนั้นพระองค์3.ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ

Q1 พระเจ้าทรงมี “เป้าหมาย” อย่างน้อย 3 ประการ ในการกำหนดให้มี “วันที่เจ็ด” (วันสะบาโต / วันอาทิตย์)
Q2 คุณจะทำให้ “เป้าหมาย” ของวันสะบาโตที่พระเจ้าทรงตั้งไว้ เป็นจริงใน “ทุกๆ วันอาทิตย์” อย่างไร? (ดู ฮีบรู 10:25 ประกอบ)
หมาเยเหตุ: ฮีบรู 10:25 อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  ปฐมกาล 33-35 มัทธิว 10:1-25

การเอาใจใส่เนื้อหนัง @ก็คือความตาย และการเอาใจใส่พระวิญญาณ @ก็คือชีวิตและสันติสุข

Q1 ผลลัพธ์ของการ “เอาใจใส่เนื้อหนัง” และ “เอาใจใส่พระวิญญาณ” แตกต่างกันอย่างไร? (สังเกตคำหลัง @)
Q2 ทบทวนชีวิตของคุณว่า คุณกำลัง “เอาใจใส่เนื้อหนัง” หรือ “เอาใจใส่พระวิญญาณ” อธิษฐานขอกำลังและสติปัญญาจากพระเจ้าที่คุณจะเลือกในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ (ดู โรม 13:11-14 ประกอบ)
หมายเหตุ: โรม 13:11-1411 นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น 12 กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ให้เราเลิกบรรดากิจการแห่งความมืด และสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง 13 ให้เราประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับเวลากลางวัน ไม่ใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย ไม่ใช่หยาบโลนลามก ไม่ใช่วิวาทริษยากัน 14 แต่ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี: ปฐมกาล 31-32 มัทธิว 9:18-38

ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย
เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น 1.ทำให้เกิดความทรหดอดทน
และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่า2.เราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้
และการที่เป็นเช่นนั้น3.ทำให้มีความหวัง

Q1 เปาโลให้ “เหตุผล” อย่างน้อย 3 ประการ เพื่อหนุนใจผู้ที่เชื่อในพระเจ้าให้ “ชื่นชมยินดี” ใน “ความทุกข์ยาก” ที่เกิดขึ้นในชีวิต คืออะไรบ้าง?
Q2 ลองเขียน “ความทุกข์ยาก” ที่เข้ามาในชีวิตของคุณสัก 2 เรื่อง พระเจ้าทรงสอนอะไรคุณผ่านความทุกข์ยากเหล่านั้น (ดู ยากอบ 1:2-4 ประกอบ)
หมายเหตุ: ยากอบ 1:2-4 2 พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง 3 เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน 4 และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  ปฐมกาล 29-30  มัทธิว 9:1-17

เมื่อพวกท่านถูกนำมามอบตัวไว้นั้น อย่ากังวลล่วงหน้าว่าจะพูดอะไรดี
@แต่จงพูดตามที่โปรดประทานให้ท่านพูดในเวลานั้น
เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวท่านเอง @แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์

Q1 “ใคร” คือคนที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของผู้ที่เชื่อ เมื่อต้องพูดเป็นพยานในเรื่อง “พระเยซูคริสต์”? (สังเกตคำหลัง @)
Q2 พระคัมภีร์ข้อนี้หนุนใจคุณ เมื่อต้อง “พูดเป็นพยาน” เรื่องพระเยซูให้กับคนอื่นๆ ฟังอย่างไร? (ดู โรม 8:26-27 ประกอบ)
หมายเหตุ: โรม 8:26-2726 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ 27 และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่า พระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามพระประสงค์ของพระเจ้า


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  ปฐมกาล 27-28 มัทธิว 8:18-34

10/5328