โอ ข้าพระองค์@รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริงๆ
@เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์เสมอ

Q1 ผู้เขียนสดุดีได้แสดงออกถึง “ท่าที” ที่มีต่อพระวจนะของพระเจ้าอย่างไร? (สังเกตคำหลัง @)
Q2 คุณจะ “มีความรักต่อพระวจนะของพระเจ้า” เหมือนกับผู้เขียนสดุดีได้อย่างไร?
หมายเหตุ: ยอห์น 14:23-2423 พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา 24 ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำซึ่งท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นพระวจนะของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี: อพยพ 25-26  มัทธิว 20:17-34

ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย
@การเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ด้วยตาข้างเดียว
ยังดีกว่ามีสองตา @แต่ต้องถูกทิ้งในไฟนรก

Q1 ทำไมการเหลือ “ตาข้างเดียว” จึงดีกว่าการมี “ตาสองข้าง”? (สังเกตคำหลัง @)
Q2 คุณจะนำหลักการของพระคัมภีร์ข้อนี้มาใช้ ในเวลาที่คุณ “หลงผิด” และ “ห่างจากทางของพระเจ้า” อย่างไร? (ดู มัทธิว 16:26 ประกอบ)
หมายเหตุ: มัทธิว 16:26 เพราะเขาจะได้ประโยชน์อะไร ถ้าได้สิ่งของหมดทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน? หรือคนนั้นจะนำอะไรไปแลกชีวิตของตนกลับคืนมา?


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  อพยพ 23-24  มัทธิว 20:1-16

@จงรักษาความประพฤติอันดีของพวกท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ
เพื่อว่าเมื่อพวกเขาใส่ร้ายพวกท่านว่าประพฤติชั่ว
@ พวกเขาจะได้เห็นคุณความดีของพวกท่าน
และ@จะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาเยือน

Q1 พระคัมภีร์ข้อนี้ได้บอกถึง “เคล็ดลับ” ที่จะช่วยให้เราหลุดพ้นจาก “ข้อกล่าวหา” เวลาที่มีคนมา “ติเตียน” หรือ “ใส่ร้าย” ว่า เราทำในสิ่งที่ไม่ดี หรือเราทำในสิ่งที่ชั่วร้ายอย่างไร? (สังเกตคำหลัง @)
Q2 คุณจะดำเนินชีวิตวันนี้ให้คนรอบๆ ข้าง “มองเห็นข้อเท็จจริง” (ทำความดี) มากกว่าที่จะ “พูดกล่าวหา” (ทำความชั่ว) อย่างไร? (ดู โรม 12:21 ประกอบ)
หมายเหตุ: โรม 12:21 อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี: อพยพ 21-22  มัทธิว 19

พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“เจ้าทั้งหลายเป็นสักขีพยานของเรา และเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราเลือกไว้
เพื่อเจ้า1.จะรู้จักและ2.เชื่อถือเรา และ3.เข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละก่อนหน้าเราไม่มีเทพเจ้าใดถูกปั้นขึ้น
และภายหลังเราก็จะไม่มี

Q1 อะไรคือ “จุดมุ่งหมาย” ที่พระเจ้าทรงเลือกเราให้ “เป็นพยาน” และ “เป็นผู้รับใช้” ของพระองค์?
Q2 “ใคร” คือคนที่พระเจ้าทรงเลือกและเรียกคุณให้เป็น “พยานเรื่องพระเยซูคริสต์” เขียนชื่อคนเหล่านั้นออกมาสัก 3 คน และอธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้นที่สักวันหนึ่งจะได้ยินข่าวดีเรื่องพระเยซูคริสต์จากคุณ


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  อพยพ 19-20  มัทธิว 18:21-35

ท่านก็กล่าวแก่เขาว่า “จงใส่ใจในถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ท่านในวันนี้
เพื่อท่านจะได้บัญชาลูกหลานของท่าน ให้เขาระวังที่จะทำตามถ้อยคำทั้งหมดของธรรมบัญญัตินี้”

Q1 คำว่า “จงใส่ใจในถ้อยคำ…” “เพื่อท่านจะได้บัญชา….” และ “ให้เขาระวัง…” สะท้อนให้เห็นถึง “ความสำคัญ” ของสิ่งที่พูด และ “ความรู้สึก” ที่เกิดขึ้นภายในใจของผู้พูด (โมเสส) อย่างไร? (ดู เฉลยธรรมบัญญัติ 5:32-33 ประกอบ)
Q2 คุณได้ “ใส่ใจ” ในการเรียนรู้พระวจนะของพระเจ้า และ “นำไปใช้จริง” ในชีวิตประจำวันของคุณมากน้อยแค่ไหน? โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณได้สอนและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตกับลูกของคุณอย่างไร? (ดู เฉลยธรรมบัญญัติ 6:7-9 ประกอบ)
หมายเหตุ: เฉลยธรรมบัญญัติ 5: 32-33 32 ฉะนั้นท่านทั้งหลายจงระวังที่จะทำตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชานั้น อย่าหันไปทางขวาหรือทางซ้ายเลย 33 จงดำเนินตามวิถีทางทั้งสิ้นซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงบัญชาท่าน เพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเพื่อจะเป็นการดีต่อท่าน และท่านจะมีชีวิตยืนนานอยู่ในแผ่นดินซึ่งท่านจะยึดครองนั้นเฉลยธรรมบัญญัติ 6:7-97 และท่านจงสอนถ้อยคำเหล่านั้นแก่บุตรหลานของท่าน และจงพูดถึงถ้อยคำเหล่านั้นเมื่อท่านนั่งอยู่ในบ้าน เดินอยู่ตามทาง นอนลงหรือลุกขึ้น 8 จงเอาถ้อยคำเหล่านี้ผูกไว้ที่มือของท่านเป็นหมายสำคัญ และคาดไว้ที่หน้าผากของท่านเป็นสัญลักษณ์ 9 และจงเขียนถ้อยคำเหล่านี้ไว้ที่เสาประตูบ้าน และที่ประตูของท่าน


อ่านพระคัมภีร์ให้จบเล่มภายในหนึ่งปี:  อพยพ 16-18   มัทธิว 18:1-20

110/5445