แน่นอนว่า มารีย์เป็นแม่ และเป็นหญิงที่พระคัมภีร์ได้บอกว่า เป็นสตรีที่ได้รับการโปรดปราน เป็นผู้ที่ได้รับพร เป็นผู้ที่เป็นสุข เพราะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดพระเยซู แต่ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตการเป็นแม่ของเธอจะสะดวกสบาย หรือมีทางลัดในการเลี้ยงดูพระเยซู มารีย์เลี้ยงพระเยซูเหมือนกับที่แม่ทุกๆ คนจะเลี้ยงลูก และดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนคนอิสราเอลทั่วๆ ไป รวมถึงการถ่ายทอดความเชื่อให้กับพระเยซูด้วยการพาพระองค์ไปที่กรุงเยรูซาเล็มในช่วงเทศกาลปัสกา

Q1  เมื่อมารีย์รู้ว่า พระเยซูไม่ได้กลับมาที่บ้านพร้อมกับตน มารีย์รู้สึก และตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร? (ดูข้อ 44, 45, 48, 51 ประกอบ)
Q2  มารีย์เลี้ยงดูพระเยซูให้เติบโตขึ้นทั้งในด้านสติปัญญา ร่างกาย และเป็นที่รักของคนทั่วไป และเป็นที่รักของพระเจ้า (ข้อ 52) ถ้าคุณเป็นแม่ คุณจะเลี้ยงดูให้ลูกของคุณเติบโตขึ้นในทุกๆ ด้าน และเป็นที่รักของคนทั่วๆ ไปและของพระเจ้าอย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี คุณจะมีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูลูกอย่างไร? ถ้าคุณเป็นลูก โปรดจำไว้ว่า คุณแม่คุณพ่อมีเป้าหมายที่อยากเห็นคุณเติบโตขึ้นในทุกๆ ด้าน และเป็นที่รักของคนและพระเจ้า หาเวลาที่จะขอบคุณคุณแม่และคุณพ่อของคุณ และอธิษฐานเผื่อท่านอยู่เสมอ

เอลีซาเบธเป็นแม่ของยอห์นผู้ให้รับบัพติสมา เธอเป็นหมัน แต่พระเจ้าทรงเรียกเธอให้เป็น “แม่” เป็นผู้ให้กำเนิดบุตรชาย คือ ยอห์น ผู้ที่จะมาเตรียมทางให้กับพระเยซู ซึ่งการเป็นแม่ของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสักเท่าไรนัก เพราะถ้ามามีลูกเมื่ออายุมากแล้ว (จริงๆ ต้องบอกว่า ชราแล้ว)

Q1  การเป็นแม่เมื่อมีอายุมากไม่ใช่สิ่งที่ง่าย ซึ่งเรารู้ว่าในปัจจุบันทางการแพทย์ไม่สนับสนุนให้มีลูกเมื่ออายุเกิน 40 ปีขึ้นไป เพราะต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายอย่าง แม้ว่านางเอบีซาเบธ ที่ต้องตั้งครรภ์ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ด้วยความที่เป็นมนุษย์ และอายุมาก เธอย่อมมีความกังวลเช่นกัน คุณคิดว่าเอลีซาเบธจะกังวลในเรื่องใดบ้าง เและเธอผ่านพ้นปัญหา ความกังวลเหล่านั้นมาได้อย่างไร? (ดูข้อ 24, 25 ประกอบ)
Q2 ถ้าคุณรู้จักใครที่เป็นคุณแม่ที่มีอายุมาก ใช้เวลานี้อธิษฐานเผื่อคุณแม่ท่านนั้น รวมถึงสามี และทุกๆ คนในครอบครัวที่จะเข้าใจ และมีส่วนร่วมในการเลี้ยงลูกแม้จะมีอายุที่มาก

พระเยซูมีโอกาสได้พบกับแม่คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้เป็นคนอิสราเอล และสิ่งที่คุณแม่นี้กระทำเพื่อลูกสาวของเธอ ทำให้พระเยซูถึงกับเอ่ยปากชมเชย และตอบสนองในสิ่งที่เธอได้ร้องขอต่อพระองค์

Q1  ดูเหมือนว่า พระเยซูได้แสดงการปฏิเสธกลายๆ แล้วว่า จะไม่ช่วยเหลือด้วยการนิ่งเงียบ ไม่ตอบ เมื่อหญิงคนนี้ร้องขอ (ข้อ 23) แต่หญิงชาวคะนาอันคนนี้ได้สำแดงความเป็น “แม่” ของเธออย่างไร จนทำให้พระเยซูยอมช่วยเหลือเธอ? (ดูข้อ 24, 25, 26, 27 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” สิ่งที่หญิงชาวคะนาอันกระทำเป็นแบบอย่างและหนุนใจในการเป็นแม่อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี ลูก หรือคนในครอบครัว ลองคิดดูว่า ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ ได้ทำสิ่งใดบ้างเพื่อคุณเหมือนกับที่หญิงชาวคะนาอันได้ทำ หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา/คุณแม่ของคุณ

ชีวิตของนางฮันนาห์เป็นชีวิตที่น่าสนใจตั้งแต่ก่อนที่จะมีลูกคือ ซามูเอล เพราะเธอเป็นหมัน นางฮันนาห์ได้ทูลขอลูกจากพระเจ้า (น่าจะหลายปี) กว่าที่จะได้ และต้องมอบลูกคือ ซามูเอล ให้กับเอลี เพื่อจะปรนนิบัติพระเจ้าตลอดชีวิตของซามูเอล

Q1  นางฮันนาห์ได้แสดงให้เห็นถึงจิตใจของคนที่เป็นแม่อย่างไร? (ดูข้อ 8, 15, 16, 22, 23, 28 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” สิ่งที่นางฮันนาห์กระทำเป็นแบบอย่างและหนุนใจในการเป็นแม่อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี / ลูก หรือคนในครอบครัว ลองคิดดูว่า ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ ได้ทำสิ่งใดบ้างเพื่อคุณเหมือนกับที่นางฮันนาห์ทำ หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ โดยเฉพาะในวันนี้ที่เป็นวันแม่แห่งชาติ

ทิโมธีถือเป็นแบบอย่างในความเชื่อที่ดี และเป็นคนที่เปาโลรักมากคนหนึ่งจนถึงขนาดเรียกทิโมธีว่า “เป็นบุตรแท้ของเราในความเชื่อ” นอกจากนี้ยังเป็นคนที่เปาโลไว้ใจ และส่งไปดูแลพี่น้องที่เมืองเอเฟซัส เพื่อเลี้ยงดูและป้องป้องความเชื่อไม่ให้หลงผิดไปตามคำสอนที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเปาโลได้บอกว่า สาเหตุที่ทิโมธีมีความเชื่อดีเพราะมีแม่ที่ดี

Q1  คุณคิดว่า คุณแม่ของทิโมธีได้ถ่ายทอดความเชื่อมายังทิโมธีด้วยวิธีการอย่างไร? (ดู 1:5 และ 3:15 ประกอบ)
Q2  ถ้าคุณเป็น “แม่” คุณจะถ่ายทอดความเชื่อของคุณไปยังลูกๆ อย่างไร? ถ้าคุณเป็นสามี คุณจะมีส่วนช่วยภรรยาของคุณในการถ่ายทอดความเชื่ออย่างไร? ถ้าคุณเป็นลูก คุณมีท่าที่อย่างไรเมื่อคุณแม่ถ่ายทอดความเชื่อที่ท่านมีให้คุณ? (เบื่อหน่าย / เซ็ง / ดีใจ / ปลาบปลื้มใจ) หาโอกาสที่จะขอบคุณ และอธิษฐานเผื่อ ภรรยา / คุณแม่ ของคุณ

3340/5216