พจนานุกรมได้นิยามความหมายของคำว่า “หยาบคาย” ว่าหมายถึง “คำที่ไม่สุภาพ” ซึ่งความหยาบคายสามารถแสดงออกได้ทั้งคำพูดและการกระทำ เช่น การด่า การชี้หน้า การตะโกนใส่หน้า การส่งเสียงดังแบบไม่มีมารยาท การใช้คำดูถูกดูหมิ่น คำพูดที่ก้าวร้าว คำพูดที่ทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บแค้น เกลียดชังภายในจิตใจ และแน่นอนว่า มีครอบครัวไม่น้อยที่ต้องรับผลกระทบเพราะคำหยาบคายที่เกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งเป็นสถานที่น่าจะเต็มไปด้วยความรัก ความปลอดภัย และความอบอุ่น

อย่าให้คำหยาบคายออกมาจากปากท่านเลย
แต่จงกล่าวคำที่ดีและเป็นประโยชน์ให้เหมาะสมกับความต้องการ
เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยินได้ฟัง

Q1  อ่านพระคัมภีร์ข้อนี้ช้า ๆ 2-3 รอบ จนจำเนื้อหาทั้งหมดได้ พระคัมภีร์ตอนนี้ให้หลักการอย่างไรในการจัดการกับคำหยาบคาย?
Q2  อะไรคือ “คำหยาบคาย” ที่คุณควรจะกำจัดมันออกไปจากครอบครัวของคุณ? และอะไรคือ “คำที่ดี” “คำที่เป็นประโยชน์” ที่คุณควรจะพูดให้มากขึ้นในครอบครัวของคุณ

มีสำนวนไทยอันหนึ่งว่า “ติเพื่อก่อ” หมายถึง การพูดตำหนิติเตียน เพื่อหวังว่า ผู้ฟังจะนำสิ่งที่พูดไปแก้ไข แต่ในความเป็นจริง เรากลับค้นพบว่า คำตำหนิติเตียนไม่เคยให้ประโยชน์แก่ใคร มีแต่ทำร้าย เพราะไม่มีใครชอบถูกตำหนิติเตียน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือถูกมองในแง่ร้าย และไม่มีใครชอบใจเมื่อมีคนมาชี้นิ้วกล่าวโทษ ดังนั้นลองเปลี่ยนคำตำหนิให้เป็นข้อแนะนำน่าจะดีกว่า

Q1  คำว่า “ตาบอดนำทางคนตาบอด” “ผงในตา” “เขี่ย” “ไม้ทั้งท่อน” “ชัก” ช่วยให้เราเห็นถึงท่าทีและหลักการในการเปลี่ยนคำตำหนิให้เป็นคำแนะนำได้อย่างไร?
Q2  อะไรคือ “ไม้ทั้งท่อนในตา” ของคุณที่จะต้องเอาออก เพื่อคุณจะสามารถเปลี่ยนคำตำหนิเป็นคำแนะนำให้กับคนในครอบครัวของคุณ?

ลักษณะการเลี้ยงดูเด็กแบบไทยๆ มักไม่เน้นการชมเชย ส่วนใหญ่มักใช้การตำหนิ หรือจับผิดในสิ่งที่เด็กทำ เมื่อถามว่าเวลาที่เด็กทำอะไรได้ดีเคยชมเชยบ้างหรือไม่ พ่อแม่ส่วนใหญ่จะตอบว่าไม่ค่อยได้ชม เหตุผลเพราะกลัวว่าเด็กจะเหลิงหรือได้ใจ หรือถ้าชมก็จะเป็นลักษณะชมแบบเหน็บแนมหรือพูดดักไว้ก่อน แต่ในความจริงคำชมเชยมีคำที่มีพลัง และช่วยให้คนเรามีกำลังใจที่จะกระทำสิ่งดี ๆ เหล่านั้นต่อไป

Q1  คำว่า “ดูแลการงาน” “ไม่ชุบมือเปิป” “เลิศกว่าเขา” “ยำเกรงพระเจ้า” “ผลแห่งมือ” “การงานของเธอ” ช่วยให้หลักการอย่างไรบ้างในการที่จะชมเชยใครสักคน?
Q2  คิดถึง “ดูแลการงาน” “ไม่ชุบมือเปิป” “เลิศกว่าเขา” “ยำเกรงพระเจ้า” “ผลแห่งมือ” “การงานของเธอ”   ที่คนในครอบครัวของคุณได้กระทำให้คุณ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ /คุณแม่/ สามี/ ภรรยา/ หรือลูกของคุณ และหาโอกาสที่จะเอ่ยคำขอบคุณ คำชมเชย บุคคลเหล่านั้นในวันนี้

เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องใหม่สำหรับทุก ๆ คน เพราะไม่มีใครเคยเป็น สามีหรือภรรยามาก่อน ไม่เคยเป็นพ่อหรือแม่มาก่อน ไม่มีใครเคยมีลูกมากก่อน ดังนั้นมีเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่เราไม่รู้เกี่ยวกับครอบครัว การได้ฟังคำเตือนสติ หรือคำทักท้วงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับครอบครัว รวมถึงคำเตือนสติของพ่อแม่ที่มีต่อลูกก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน

Q1  คำว่า “ให้ชีวิต” “ดูหมิ่น” “เข้าใจ” “ยำเกรง” “ปัญญา” “ถ่อมใจ” “เกียรติ” เกี่ยวข้องอย่างไรกับ “คำเตือนสติ”?
Q2  ถ้าคุณเป็นพ่อ/แม่ คุณจะนำพระคัมภีร์ตอนนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการเตือนสติลูกของคุณอย่างไรบ้าง? และถ้าคุณเป็นลูก คุณจะนำพระคัมภีร์ตอนนี้ไปใช้เป็นแนวทางในการรับคำเตือนสติจากบุคคลอื่นๆ ในครอบครัวอย่างไร?

ครอบครัวเปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนแห่งแรกของลูก พ่อแม่เป็นเสมือนคุณครูคนแรก การสื่อสารที่สำคัญอย่างหนึ่งของครอบครัวคือ “การสั่งสอน” ซึ่งถือว่า เป็นหน้าที่หลักทั้งของผู้สอน คือ พ่อแม่ และผู้เรียนคือ ลูก

Q1  พระคัมภีร์ตอนนี้สอนให้เห็นถึงท่าที และวิธีการในการสั่งสอนที่จะมีในครอบครัวอย่างไร? (ดูเรื่องท่าทีจากข้อ 5 และวิธีการจากข้อ 7-8)
Q2  คุณจะนำท่าที และวิธีการสั่งสอนที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ตอนนี้ไปใช้ในครอบครัวของคุณอย่างไร?

3460/5215