เมื่อโมรเดคัยทราบแผนการของฮามานที่มีต่อท่านและชนชาติอิสราเอล ท่านถึงกับฉีกเสื้อผ้า สวมผ้ากระสอบ และใส่ขี้เถ้า ร้องไห้คร่ำครวญ มีการไว้ทุกข์ครั้งใหญ่ท่ามกลางพวกยิว อดอาหาร (อธิษฐาน) และท่านได้แจ้งข่าวนี้กับเอสเธอร์ เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งเอสเธอร์เองก็ดูเหมือนว่า ลำบากใจในเรื่องนี้เพราะเธอไม่ได้เข้าเฝ้ากษัตริย์อาหสุเอรัสมา 30 วัน เพราะถ้าเข้าเฝ้าโดยไม่ถูกเรียก ผลคือ ถูกประหารชีวิต
Q1 คำพูดของโมรเดคัยที่ว่า ““อย่าคิดว่าเธออยู่ในราชสำนักจะรอดพ้นได้ดีกว่าพวกยิวอื่นๆ เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้” (ข้อ 13-14) ซึ่งเอสเธอร์ขอให้โมรเดคัยและคนยิวอื่นๆ อดอาหาร (อธิษฐาน) เผื่อเธอ 3 วัน 3 คืน แล้วเธอจะเข้าเฝ้าพระราชา ก่อนที่จะจบด้วยคำพูดว่า “ถ้าฉันจะพินาศ ฉันก็พินาศ” สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อที่ทั้งคู่มีในพระเจ้าอย่างไร? (ดู ฮีบรู 11:1 ประกอบ)
Q2 พระธรรม 1 โครินธ์ 2:9 ที่กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” เป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ในการดำเนินชีวิตแห่งความเชื่อของคุณ?