เหตุการณ์นี้แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นในธรรมศาลาแต่ยังเป็นวันสะบาโต และดูเหมือนว่า การรักษาโรคในวันสะบาโตของพระเยซูคริสต์ครั้งนี้เป็นความตั้งใจของพระเยซูคริสต์ที่จะกระทำออกมา ไม่เหมือน กับครั้งก่อนๆ ที่พวกฟาริสีพยายามจะจับผิดพระเยซูคริสต์ในเรื่องนี้

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว 2 คำถามคือ 1# “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันสะบาโตจะผิดพระบัญญัติหรือไม่?” คำตอบคือ “ผิด” และ 2 # “คนไหนในพวกท่าน ถ้าจะมีลาหรือโคตกบ่อ จะไม่รีบฉุดลากมันออกในวันสะบาโตหรือ?” คำตอบคือ “ช่วย” แต่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครกล้าตอบทั้ง 2 คำถาม (ข้อ 4, 6) คุณคิดว่า ทำไมจึงไม่มีใครกล้าตอบคำถามทั้ง 2 คำถาม ทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว?
Q2  ถ้าเปลี่ยนคำถามใหม่ว่า “คริสเตียนที่รักพระเจ้าควรจะไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์หรือไม่?” คุณจะตอบว่า …………….. กับ “ถ้าท่านรู้ว่า การไปเที่ยวกับเพื่อนในคืนวันเสาร์ หรือ การดูบอล หรือ เล่น Facebook จนดึกดื่น อาจจะทำให้ท่านตื่นมานมัสการพระเจ้าไม่ทัน ท่านจะเลิกไปเที่ยวกับเพื่อน เลิกดูบอล และเลิกเล่น Facebook หรือ?” คุณจะตอบว่า …………………..อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้อีกครั้ง และคิดดูว่า พระเจ้าอยากสอนคุณเกี่ยวกับเรื่องท่าทีในการไปนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์อย่างไร?

เหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่ 5 ที่พระเยซูคริสต์ทรงทำการรักษาคนป่วยในวันสะบาโต และที่น่าสนใจคือ พระองค์ทรงรักษาผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องทนเจ็บป่วยจากอาการหลังโกง เนื่องจากมีผีเข้าสิง (น่าจะเป็นผลจากวิญญาณชั่ว จนทำให้ร่างกายผิดปกติแต่ไม่มีใครรู้ รวมถึงตัวของผู้หญิงที่เจ็บป่วย ทุกคนอาจจะคิดว่า เป็นการเจ็บป่วยธรรมดา) ซึ่งการรักษาของพระเยซูคริสต์ก่อให้เกิดความไม่พอใจขึ้นอีกครั้งจนแม้แต่นายธรรมศาลาพูดว่า “มีหกวันที่ควรจะทำงาน ในหกวันนั้นจงมาให้รักษาโรคเถิด แต่ในวันสะบาโตนั้นอย่าเลย”

Q1  พระเยซูคริสต์ทรงให้เหตุผลอย่างไรในการรักษาหญิงหลังโกงในวันสะบาโต? (ดูข้อ 15-16 ประกอบ)
Q2  ในวันอาทิตย์เราอาจจะเหมือนหญิงคนนี้ที่เดินหลังโกง (แบกปัญหา และภาระต่างๆ) เข้าไปนมัสการพระเจ้า แต่สิ่งที่เราจะต้องตระหนักและเตือนตัวเองเสมอว่า ตอนเราเดินออกจากสถานนมัสการของพระเจ้า เรายังเดินหลังโกง (แบกปัญหาและภาระต่างๆ) กลับบ้านเหมือนเดิม หรือ เดินตัวตรง (มอบปัญหาและภาระต่างๆ ไว้กับพระเจ้า) พร้อมกับรับพระพรของพระเจ้ากลับบ้าน อธิษฐานเผื่อชีวิตของคุณสำหรับการไปนมัสการพระเจ้าทุกๆ วันอาทิตย์

เหตุการณ์ตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างจะพิเศษ เพราะพระเยซูคริสต์กำลังถูกจับผิดโดยพวกฟาริสีผ่านการรักษาโรคในวันสะบาโต (ข้อ 2) ซึ่งพระเยซูคริสต์ก็ทรงทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่พระองค์ก็ยังทรงรักษาชายมือลีบในวันสะบาโต

Q1  พระเยซูคริสต์ใช้วิธีการอย่างไรในการรับมือกับพวกฟาริสีที่พยายามจ้องจับผิดพระองค์เกี่ยวกับการรักษาโรคในวันสะบาโต? (ดูข้อ 3-5 ประกอบ)
Q2  คุณจะนำประโยคที่ว่า “ในวันนี้คุณควรจะทำการดี หรือควรจะทำร้าย จะช่วยชีวิตดีหรือจะผลาญชีวิตเสียดี” ไปใช้ในชีวิตของคุณอย่างไร?

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนในวันสะบาโต (ข้อ 8) ซึ่งนำความโกรธและเกลียดชังมาให้กับพวกยิวเป็นอันมาก จนพวกเขาพยายามหาช่องทางที่จะฆ่าพระเยซูคริสต์ (ข้อ 18) เพราะพระเยซูคริสต์อ้างสิทธิในการรักษาเหนือวันสะบาโตว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์ทำเหมือนกับที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงกระทำ (ข้อ 17)

Q1  หลังจากที่ชายคนนี้ได้รับการรักษาให้หายจากการเป็นง่อย เมื่อเขาได้มีโอกาสมาพบกับพระเยซูคริสต์อีกครั้ง พระองค์ทรงเตือนสติเขาในเรื่องใด? (ดูข้อ 14 ประกอบ)
Q2  “อย่าทำบาปอีก” คำพูดประโยคนี้ของพระเยซูคริสต์กำลังเตือนสติคุณในการดำเนินชีวิตสำหรับความผิดบาปที่คุณยังมีอยู่อย่างไรบ้าง?

พระเยซูคริสต์ไม่เพียงแต่ทำการอัศจรรย์ในวันสะบาโต แค่ในธรรมศาลาเท่านั้น แต่พระองค์ยังทรงกระทำการอัศจรรย์นอกธรรมศาลาด้วย พระคัมภีร์ตอนนี้บอกกับเราว่า หลังการประชุมในธรรมศาลา พระองค์ทรงกลับมาพักที่บ้านของเปโตร และอันดรูว์ เพื่อจะรับประทานอาหารที่จะถูกจัดขึ้นหลังจากเลิกการประชุม และในข้อ 32-34 เราพบว่า พระเยซูทรงใช้บ้านของเปโตรเป็นศูนย์กลางในการรักษาโรค เพราะมีประชาชนพาคนเจ็บป่วยมาหาตอนเย็น (32) (เพราะพ้นวันสะบาโตแล้ว สามารถที่จะแบกหามคนเจ็บป่วยมาได้ การแบกหาม / การเดินทางเกินกว่าที่กำหนด / การรักษาโรค = การทำงาน)

Q1  แม่ยายของเปโตรนอนป่วยอยู่ ซึ่งน่าจะป่วยตั้งแต่เช้า แต่ไม่มีใครพาไปหมอ เพราะจะผิดกฎวันสะบาโต (หามแคร่ /เดินทาง/รักษาโรค) แต่พระเยซูคริสต์ทรงตอบสนองอย่างไรเมื่อได้ยินว่า แม่ยายของเปโตรนอนป่วยอยู่?
Q2  ลองคิดดูว่า มีพี่น้องในคริสตจักร หรือคนในครอบครัว หรือเพื่อนของคุณที่กำลังเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ อธิษฐานฝากคนเหล่านั้นไว้กับพระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดประทานการรักษาสำหรับคนเหล่านั้นด้วย

3560/5214