พระเจ้าให้นิมิตเอเสเคียลเห็นกองทัพบาบิโลนมาโจมตียูดาห์ เหมือนกับดาบที่จะถูกชักออกจากฝัก และไม่ถูกเก็บจนกว่าจะได้สัมผัสกับเลือดของผู้คน ภาพของดาบที่ถูกลับให้คมกริบ และตวัดอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ เอเสเคียลร่ำให้คร่ำครวญสงสารพี่น้องร่วมชาติที่ต้องประสบเหตุร้ายนี้

Read more

พระเจ้ารู้ความคิดในใจของอิสราเอลว่า พวกเขาอยากจะปรนนิบัติพระเจ้าเหมือนคนต่างชาติทำคือ การทำรูปเคารพจากไม้และศิลา นำของมาถวายต่อหน้ารูปเคารพนั้น (32) แต่พระเจ้าตรัสอย่างชัดเจนว่า “เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะเป็นกษัตริย์เหนือเจ้า…” (33) สำรวจชีวิตแห่งการนมัสการของคุณ และอธิษฐานขอพระเจ้าให้ช่วยเหลือคุณ ที่จะนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ และความจริงอย่างที่พระเยซูคริสต์ได้สอนไว้ในยอห์น 4:23-24  ขอให้การนมัสการพระเจ้าในวันอาทิตย์ที่จะมาถึงนี้ เป็นการนมัสการที่มีความหมายสำหรับคุณ

พระคัมภีร์ตอนนี้ได้บรรยายถึงการทรงนำของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอลตั้งแต่ออกจากการเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์จนมาถึงแผ่นดินแห่งพันธสัญญา แม้อิสราเอลจะดื้อดึงและหันหลังให้พระองค์หลายครั้ง แต่พระเจ้าก็ยังทรงรักพวกเขา ใช้เวลานี้ทบทวนว่า คุณมาเชื่อพระเจ้าได้อย่างไร มีสิ่งใดบ้างที่คุณต้องขอโทษพระเจ้าและกลับใจใหม่ มีสิ่งใดบ้างที่คุณต้องขอบคุณและสรรเสริญพระเจ้าสำหรับความรักและความดีงามของพระองค์

เอเสเคียลใช้ภาพสิงห์เปรียบกับยูดาห์ และภาพสิงห์หนุ่มสองตัวที่ถูกจับขังเล็งถึงกษัตริย์เยโฮอาหาสที่ถูกจับเป็นเชลยโดยอียิปต์ (2 พกษ.23:31-35) และกษัตริย์เศเดคียาห์ที่กำลังจะถูกจับไปเป็นเชลยในบาบิโลน (1-9) เอเสเคียลยังเปรียบยูดาห์เหมือนเถาองุ่นที่แข็งแรง แต่สุดท้ายก็ถูกถอนทิ้งให้เหี่ยวแห้งไป (10-14) เพื่อเน้นย้ำการล่มสลายของยูดาห์อีกครั้งหนึ่ง

Read more

พระคัมภีร์ตอนนี้บอกกับเราว่า “ไม่ว่าจะเป็นคนชอบธรรม หรือคนอธรรม ถ้าทำบาป ทุกคนต้องได้รับผลจากการกระทำบาปนั้น” (21-24) สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง “ความยุติธรรม” ของพระเจ้า ในขณะที่ข้อ 32 เราก็เห็นถึง “ความรัก” ของพระเจ้า เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “เรา (พระเจ้า) ไม่มีความพอใจในความตายของผู้หนึ่งผู้ใดเลย จงหันกลับและดำรงชีวิตอยู่” ความจริงของสองเรื่องนี้ ช่วยคุณอย่างไรในการดำเนินชีวิต ถ้าคุณกำลังคิดจะเดินเข้าไปในความผิดบาป หรือ กำลังอยู่ในความผิดบาป หรือ กำลังคิดที่จะออกมาจากความผิดบาป

4845/5132