ผู้เขียนได้สะท้อนถึงความทุกข์โศกเศร้าในใจด้วยคำว่า “น้ำตาไหล…เป็นแม่น้ำ” (ข้อ 48) “น้ำตาไหล…ไม่หยุด” (ข้อ 49) “นัยน์ตา….ระบม” (ข้อ 51) คำและท่าทีในใจแบบนี้ เป็นแบบอย่างให้คุณอย่างไร ในเวลาที่คุณจะกลับมาหาพระเจ้า เพราะได้กระทำความผิดบาป?

“การคิดถึงเนือง ๆ” “การหวนคิด” และ “การคิดได้ว่า” จากข้อ 20, 21 ถึง “ความรักมั่นคงของพระเจ้า” ช่วยคุณอย่างไรในการมองดูชีวิตของคุณ และการดำเนินชีวิตต่อไปในวันนี้อย่างไร?

ในบทนี้ได้บรรยายถึงความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นในเมืองเยรูซาเล็ม ในภาวะสงครามที่เกิดขึ้น การขาดแคลนอาหารการกิน ถึงขนาดที่ว่า “มีการกินลูกของตนเอง” เพื่อประทังชีวิต (ข้อ 18-20)  อธิษฐานขอพระเจ้าที่จะปกป้องและรักษาชีวิตของคุณจากการทดลอง และสิ่งที่ชั่วร้าย เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับผลของความผิดบาปที่อาจจะรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ

กรุงเยรูซาเล็มตอนนี้เปรียบเหมือนเมืองร้างที่ว่างเปล่า เหมือนกับผู้หญิงที่สูญเสียสามี เหมือนกับเจ้าสาวที่กลายมาเป็นทาส  เหมือนหญิงสาวที่ถูกทรยศจากคนรัก โดยมีสาเหตุสำคัญจากการที่คนยูดาห์ทรยศต่อพระเจ้า (ข้อ 22) ถ้าวันนี้คุณต้องทนทุกข์เพราะทำผิด ทำบาป หรือทรยศต่อความรักของพระเจ้า ใช้เวลานี้อธิษฐานขอการอภัย และการช่วยกู้จากพระเจ้า

บทที่ 52 เป็นบทขยายความประวัติศาสตร์เพื่อให้เห็นว่าคำพยากรณ์ของเยเรมีย์เป็นจริง เศเดคียาห์ได้กระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า เหมือนอย่างที่เยโฮยาคิมผู้เป็นบิดาได้กระทำ (ข้อ 2) และสุดท้ายเศเดดียาห์ต้องเห็นบุตรชายของตนถูกประหารต่อหน้าต่อตา (ข้อ 10) จุดจบของเศเคดียาห์เป็นบทเรียนสอนใจคุณและครอบครัวอย่างไร?

5040/5128